Skip to main content

การเมืองเริ่มสั่นคลอน หรือ “บิ๊กตู่”นับถอยหลังยุบสภา!?

 บรรยากาศในยามนี้สำหรับคอการเมืองที่ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องก็น่าจะพอสัมผัสได้ถึงความอึมครึม และการต่อรองผลประโยชน์เพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้มากที่สุด ลักษณะแทบจะออกมาในแบบที่ “ไม่มีใครฟังใคร”กันแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อพิจารณากันแบบรวมๆ แล้วมันยังไม่มีเงื่อนไขที่ สุกงอมเพียงพอ เพียงแต่ว่า“มันใกล้เต็มที”แล้ว อัพเดตข่าวทั่วไป ข่าววันนี้ ข่าวด่วนทันใจ





ขณะเดียวกันสำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คงอยากยื้อเวลาให้รัฐบาลให้นานที่สุด นอกเหนือจากยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำในระยะเร่งด่วนสองสามเดือนนี้ หรือหากเป็นไปได้ต้องการให้ลากยาวไปถึงเดือนพฤศจิกายน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม“เอเปก” ที่ถือว่าเป็นงานระดับโลก เพราะมีผู้นำประเทศมหาอำนาจมารวมกันอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งโอกาสแบบนี้หาไม่ได้บ่อยนัก


หรือก่อนหน้านั้นตามที่ นายดอน ปรมมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า ภายในปีนี้ประเทศไทยจะให้การต้อนรับมกุฎราชกุมาร และรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดิอาระเบีย มูฮัมหมัด บิน ซัลมานฯ ตามคำเชิญ หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยือนซาอุฯเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ในระดับปกติ ทุกวาระดังกล่าวถือว่าเป็น “งานช้าง” มีผลในทางบวกกับทางด้านเศรษฐกิจและสถานะของประเทศ


แต่เมื่อวกกลับมาพิจารณาถึงบรรยากาศภายในแล้ว ถือว่า “ไม่ปกติ”เอาเสียเลย พิจารณาจากคำพูดที่เป็นตัวตนให้เห็นชัดเจนก่อน เริ่มจากความเห็นของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วง ปฏิเสธไม่ได้เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยได้เกิดให้เห็นบ่อยนัก แต่ก็คิดว่านายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็กำลังพยายามคลี่คลายปัญหานี้ และแก้ปัญหานี้อยู่ สุดท้ายท่านก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเข้าไปดูเพราะท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาล


ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคขนาดกลาง เป็นแค่พรรคร่วมรัฐบาล แต่สิ่งที่ตนได้เรียนย้ำไปหลายครั้งคือ เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล เพราะเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็ต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้า ไม่อย่างนั้นประชาชนก็ไม่รู้จะพึ่งใคร เราก็มีหลักการ หลักเกณฑ์ของเรา ทั้งในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองที่ทำงานร่วมกับรัฐบาล เรามีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ให้เต็มที่เหมือนที่ทำอยู่เดี๋ยวนี้ เมื่อมีปัญหาราคาสินค้าเราก็แก้ได้รวดเร็ว เมื่อมีปัญหาอื่นเกิดขึ้นเราก็จับมือกับรัฐบาลแก้ปัญหา อะไรที่เกินอำนาจกระทรวง ก็ใช้มติคณะรัฐมนตรีในการตัดสินใจ


สำหรับในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลในระบบรัฐสภา เมื่อมีข้อตกลงอะไรร่วมกัน เราก็เคารพข้อตกลงและเดินหน้าไปตามนั้น ในสภาก็ต้องใช้กลไกวิปเป็นกลไกหลักในการที่จะเป็นตัวกำหนดว่าจะตัดสินใจลงคะแนนไปทางไหน อย่างไร ซึ่งประชาธิปัตย์ก็ให้ความร่วมมือมาด้วยดีตลอด


ถามว่าในระยะหลังเกิดเหตุสภาล่มบ่อยครั้ง มีหลายพรรคที่ออกไปตั้งพรรคใหม่ มีการโหวตสวนรัฐบาล รวมไปถึงการตั้งกลุ่ม สะท้อนว่าอาจเตรียมการเพื่อสวนมติรัฐบาล จนมีหลายฝ่ายมองว่า อาจทำให้ยุบสภาได้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่อยากมองไกลไปถึงขนาดนั้น และไม่ไปวิจารณ์พรรคการเมืองอื่น หรือกลุ่มการเมืองใด ถือว่าเมื่อท่านเป็นตัวแทนประชาชน ก็มีสิทธิ์ในการที่จะดำเนินทิศทางทางการเมืองตามที่เห็นสมควร ประชาธิปัตย์ก็มีแนวทางของเรา


“แต่ในส่วนของรัฐบาล ท่านนายกฯ ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการลงมาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็จะต้องลงมาดูลึกเป็นพิเศษ เพราะเสียงส่วนใหญ่อยู่ที่พรรคแกนนำ ไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ส่วนของเรา เราก็ให้ความร่วมมือ อันนี้ตัดออกไปได้เลยว่า ไม่มีปัญหาอะไร”


นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติในสัปดาห์หน้าของฝ่ายค้านว่า ตนไม่มีความกังวลอะไร คงไม่ต้องตั้งวอร์รูม เพราะเรามีวอร์รูมติดตามราคาสินค้า ข้อมูลก็มีอยู่แล้ว เราก็ทุ่มเททำงานกับมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเข้าใจว่าถ้าถามอะไรมา ก็ยินดีที่จะตอบ ไม่มีปัญหาอะไรเลย อะไรตอบไม่ได้ก็เดี๋ยวขอต๊ะไว้ แล้วจะไปเรียนให้ทราบต่อไป ก็ตรงไปตรงมาอย่างนี้


อย่างไรก็ดี เมื่อฟังจากน้ำเสียงของ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เหมือนกับว่าให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งภายในพรรคแกนนำรัฐบาล คือพรรคพลังประชารัฐเป็นหลัก ซึ่งความหมายรวมไปถึงกรณีการแยกตัวออกไปของพรรคเศรษฐกิจไทยในทำนองว่า “อาจควบคุมเสียงไม่ได้” อะไรประมาณนั้น


แม้ว่าหากพิจารณาจากปัญหาการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ล่าสุดรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย จำนวน 7 คน บอยคอต ไม่ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาโดยอ้างความเห็นไม่ตรงกันบางประการ เช่น ในเรื่องกฎหมาย เรื่องราคาค่าโดยสาร เป็นต้น แต่หากพิจารณาให้ดีกรณีนี้ถือว่ายังไม่น่าเป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะสำหรับคอการเมืองแบบ “วงใน” ย่อมรู้ทันกันว่า นี่คือ “เกมต่อรอง” ข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง และถึงอย่างไรหากอ้างว่าเพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน มันก็ไม่น่ามีปัญหา สามารถคุยกันได้อยู่แล้ว หากทำให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ นอกเสียจากเป็นเรื่องอื่นก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง


ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ย้ำว่าไม่มีปัญหา คุยกันได้ และพรรคร่วมรัฐบาล “แน่นปึ้ก” ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะสำหรับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคคงไม่มีพรรคไหนอยากยุบสภาในช่วงนี้แน่นอน เพราะยังมีอีกหลายโครงการ ในปี 65 ที่ต้องดำเนินการ บริหารงบประมาณ นอกเสียจากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดหมาย


ขณะเดียวกันหากพิจารณาจากบรรยากาศในยามนี้ก็ต้องถือว่า จากเหตุการณ์ “สภาล่ม” ในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้าง “ภาพลบ” ให้กับส.ส.ทุกพรรค และน้ำหนักยังเทไปยังพรรคฝ่ายค้านมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ในทำนองว่า “เล่นเกม” ไม่มีความรับผิดชอบ หรือทำงานไม่คุ้มค่าเงินเดือนในแบบ “ภาษีกู” เลยแม้แต่น้อย


ดังนั้น หากพิจารณากันในความเป็นไปได้สำหรับความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นาทีนี้ถือว่ายัง “ไม่สุกงอมพอ” โดยเฉพาะจากปัญหาเรื่อง ขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ที่ต้องจับตาก็คือ ปัญหาจากพรรคพลังประชารัฐมากกว่า โดยเฉพาะจากกลุ่มที่แยกออกไปเป็นพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งก็มีโอกาสจะปรับคณะรัฐมนตรีเพิ่มเก้าอี้เข้ามาสองตำแหน่ง ส่วนจะเป็นตำแหน่งไหน หรือมีใครบ้างนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพื่อยื้อเวลารัฐบาลออกไปได้อีกพักหนึ่ง แต่หากไม่ปรับ ก็เชื่อว่าน่าจะ “นับถอยหลัง” ยุบสภาได้เลย !!

Comments

Popular posts from this blog

แค่ตีวงเลี้ยว ! ประยุทธ์แจ้งประชาชนอย่าตื่นตระหนก

 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) ว่าเครื่องบินของกองทัพเมียนมาที่บินล้ำน่านฟ้าของไทยเมื่อวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) เป็นแค่การตีวงเลี้ยวเท่านั้น และกล่าวในทำนองว่าเป็นหน้าที่ของฝั่งไทยที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิมหรือไม่ และอยากให้คำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันมากกว่า  รีวิวการ์ตูนอนิเมะ นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกับทูตทหารของเมียนมาแล้ว ซึ่งฝ่ายนั้นขอโทษมาแล้วเรียบร้อย และยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้แน่ใจว่าประเทศของรามีศักยภาพเพียงพอที่จะป้องกันอธิปไตยไว้ทั้งในขณะนี้และในอนาคต เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกใช้ประชาชนในพื้นที่่บ้านเวเล่ย์ใต้และวาเล่ย์เหนือ อ.พบพระ จ.ตาก อย่างมาก ทำให้โรงเรียนในพื้นที่ประกาศฉุกเฉินให้ผู้ปกครองมารับบุตรหลานกลับบ้านและต้องประกาศหยุดเรียน ทั้งยังมีสัญญาณให้นักเรียนเข้าไปหลบในหลุมหลบภัยด้วย นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ยังมีการพูดกันว่า การ "ตีวงเลี้ยว" ดังกล่าวเพื่อโจมตีกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์นั้น ถือเป็นการที่

อัยการเร่งสอบสวน โรม เพิ่มฐานผิด ม.157

 อัยการให้ตำรวจสอบสวน รังสิมันต์ โรม เพิ่ม คดี ม.157 ปมอภิปรายค้ามนุษย์พาดพิงมูลนิธิป่ารอยต่อใหม่ เนื่องจากเห็นว่าสำนวนการสอบสวน พฤติการณ์ และข้อหายังไม่สมบูรณ์ นัดสอบปากคำ 31 มี.ค.10 โมง  ข่าวศิลปิน เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 มี.ค. 2565 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.หญิง พฤกษา บุญดำเนิน สว.(สอบสวน) สน.บางขุนนนท์ ภายหลังจากที่ถูกออกหมายจับจากการที่อภิปรายเรื่องการค้ามนุษยษ์ชาวโรฮีนจาและการวิ่งเต้นตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ (ตั๋วช้าง) และพาดพิงถึงมูลนิธิป่ารอยต่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานมูลนิธิฯ ในสภาฯ เมื่อต้นปี 63 ต่อมาเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ได้ควบคุมตัว นายรังสิมันต์ ขึ้นรถตู้ตราโล่ เพื่อนำตัวส่งอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน  โดยมีกลุ่มมวลชนเดินทางตามไปที่ศาลเพื่อรอฟังผลการตัดสินของอัยการด้วย ต่อมา เวลา 11.00 น. ที่ศาลแขวงตลิ่งชัน พนักงานสอบสวนสน.บางขุนนนท์ ได้นำตัวนายรังสิมันต์ โรม ส่งอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน พิจารณาสั่งคดี นายรังสิมันต์ กล่าวภายหลังฟังการพิจารณาคดีว่า อัยการได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนไว้ตรวจส

ก้าวไกล ผิดหวังรัฐสภาเลือกสูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 เชื่อต้องการสืบทอดอำนาจ

พรรคก้าวไกลแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) ว่าผิดหวังต่อการที่สมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐสภาเลือกวิธีคำนวณ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์แบบหาร 500 แทน 100 และเชื่อว่าเป็นความพยายามของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป  ดูหนังซับไทย  "การลงมติของรัฐสภามิได้เป็นไปเพื่อต้องการจะออกแบบที่ดีให้แก่ประชาชน แต่เป็นการลงมติเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงเท่านั้น จนนำไปสู่การโหวตที่ขัดและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญในความเห็นของพวกเรา" นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว "ดังนั้นพรรคก้าวไกลยังยืนยันนะครับว่าเราไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พรป. การเลือกตั้งอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และจะคัดค้านอย่างถึงที่สุด" นายชัยธวัช อธิบายว่า เดิมทีพรรคก้าวไกลเคยเสนอให้แก้ระบบการเลือกตั้งเป็นแบบสัดส่วนผสม (MMP) คล้ายคลังกับระบบที่ใช้ในประเทศเยอรมนี แต่เมื่อรัฐสภาเห็นชอบให้แก้ไขเป็นแบบคู่ขนาน ใช้บัตร 2 ใบ เพื่อแยกกันระหว่างแบบแบ่งเขตและแบบปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้ใช้สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์แบบหาร 100 โดยไม่มีเศษ แต่กลับไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเมื่อ