พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยมีช่วงหนึ่งกล่าวถึงการที่เวทีดีเบต หาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีการนำเรื่องรัฐประหารมาถามมาแสดงความคิดเห็นว่า "ก็เรื่องของเขา ผมไม่อยากไปเกี่ยวข้อง ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง กทม. ผมมีสิทธิ 1 เสียงที่ผมจะเลือก เท่านั้นเอง ดังนั้น สิ่งใดที่พูดมา ท่านใดที่พูดย้อนเก่า ก็กลับไปดูแล้วกันว่าทำอะไรมาบ้าง แต่ละคนอ่ะ" ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า เหมือนต้องการจะปลุกการต่อต้านรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “แล้วใครจะรัฐประหาร ใครจะทำอ่ะ ทำมาเมื่อไหร่ ทำมาเพราะอะไร ย้อนกลับไปดูพฤติกรรมสมัยก่อนก็แล้วกัน ถ้าใครจะว่าก็ แล้วบ้านเมืองอยู่มาวันนี้ได้ สงบแบบนี้ มันเพราะอะไร แล้วใครจะอยากให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่มีหรอก ผมก็ไม่อยากทำ”
ย้ำรัฐบาลเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ หวังฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤตโควิดเริ่มคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า รัฐบาลเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ รวมทั้งการฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้มีมาตรการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากสถานการณ์ต่างๆ เช่น ภัยแล้ง โรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และมีเป้าหมายจะช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด โดยได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวงบูรณาการกันเพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer) ให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยจะต้องมีการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต เพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุน
รวมทั้งการติดตั้งสถานีวัดอากาศเพื่อลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศ การจัดทำ Big Data ภาคการเกษตร การพัฒนาแพลตฟอร์ม สนับสนุนให้เกษตรกรทำเกษตรแปลงใหญ่ และจัดให้มีการเช่า การแชร์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร ตลอดจนการขยายไปสู่ตลาดออนไลน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นทางรอดและทางรุ่งของภาคเกษตรกรรมของไทย รวมทั้งจะต้องแสวงหาความร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานต่างๆ ทุกภาคส่วน ทุกระดับ ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานทุก 3 เดือน ด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความห่วงใยที่ประเทศไทยเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องดูแลกลุ่มผู้สูงอายุให้ดีที่สุด ให้คนกลุ่มนี้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีรายได้ที่เพียงพอ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีหลักประกันที่มั่นคงและเป็นพลังร่วมกันในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป เพราะกลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญต่างๆ ที่มีคุณค่าแก่สังคมไทย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนด้านราคาพลังงานว่า รัฐบาลรับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และวันนี้ ครม. ได้มีการพิจารณาขยายมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นความจำเป็นที่จะต้องดูแลพี่น้องประชาชนและภาคการผลิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นไปตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน สินค้าอุปโภคบริโภคจะปรับตามต้นทุนค่าขนส่ง ทั้งนี้ มีอีกหลายมาตรการที่กำลังหารือร่วมกันอีก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมีหลายอย่างที่ดีขึ้น แม้บางอย่างยังลดลงอยู่เนื่องจากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและเรื่องของสงคราม ซึ่งคาดหวังว่าจะสิ้นสุดลงได้โดยเร็ว และการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับน้ำมันดีเซลเพราะถือเป็นต้นทุนภาคการผลิตด้านการขนส่งด้วย ส่วนกรณีน้ำมันเบนซินจะพิจารณาต่อไป
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ขอความร่วมมือทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงานในส่วนที่สามารถช่วยกันได้ ในส่วนของรัฐบาลแม้ว่าการจัดเก็บรายได้จะลดลง แต่ก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทับซ้อนกลับมาในอนาคต
Comments
Post a Comment